Select Page

คำย่อ…( ศัพท์ ) ที่พบบ่อย…ในระบบเสียงรถยนต์

คำย่อ…( ศัพท์ ) ที่พบบ่อย…ในระบบเสียงรถยนต์

บ่อยครั้งที่ความไม่ชัดเจนของ “คำย่อ” ของคำศัพท์ในเรื่องราวที่เกี่ยวกับเครื่องเสียงติดรถยนต์นั้น…ก็กลายเป็นปัญหาในการทำความเข้าใจต่อผู้สนใจ… วันนี้ก็เลยยกประเด็น “คำย่อ” หรือ “ คำศัพท์ “ ที่มักพบกันบ่อยๆ…และกล่าวถึงกันมาก…มาให้หายสงสัยกัน…

 

‘A’ หมายถึง Amperes (กระแสไฟ)

เป็น หน่วยวัดกระแสที่เท่ากันในหนึ่งคูลอมต่อวินาที… โดยทั่วไปจะกล่าวถึงกระแสที่เป็นบวก… ซึ่งกระแสจะไหลจากศักย์ที่เป็นบวกไปยังศักย์ที่เป็นลบ…โดยอ้างถึงจุดอ้าง อิง หรือกราวด์ (Gourd) ที่ออกแบบให้มีศักย์เป็น ศูนย์… อิเลคตรอนของวงจรจะไหลในทิศทางตรงกันข้ามกับกระแสของตัวมันเอง… โดยคำว่าแอมแปร์นี้มักเรียกกันสั้นๆ ว่า “แอมป์” (amp)… โดยทั่วไปจะแทนค่าหน่วยของแอมแปร์นี้ด้วยอักษร “I”

ซึ่งไม่ควรสับสนกับคำว่า “แอมปลิไฟเออร์” (amplifiers) อันหมายถึงภาคขยายสัญญาณเสียง… ที่ปกติก็เรียกกันสั้นๆ ว่า “แอมป์” (amp) เช่นกัน…

 ‘V’ หมายถึง Volts (แรงดันไฟ)

เป็น หน่วยวัดแรงดันไฟฟ้า…ซึ่งโดยหลักการแล้วแรงดันไฟจะไม่มีการเดินหน้า… หรือเคลื่อนที่…จึงทำให้ง่ายและสะดวกต่อการเทียบวัดต่างๆ

‘DC’ คือ Direct Current (ไฟกระแสตรง)

เป็นชนิดหนึ่งของวงจรไฟ…โดยในวงจร DC กระแสจะไหลไปในทิศทางเดียว…โดยจะใช้จุดที่มีศักย์สูงและจุดที่มีศักย์ต่ำเป็นตัวกำหนด… เช่นระบบไฟรถยนต์โดยปกติ 12 VDC ศักย์ของไฟ…จะเดินทางจากศักย์ที่สูงกว่านั่นคือที่ 12 VDC ไปหาศักย์ที่ต่ำกว่า…นั่นก็คือกราวด์นั่นเอง…ดังนั้นจึงจะต้องคำนึงถึงตำแหน่งการต่อสายไฟในวงจร เส้นไฟที่ระบุไว้ +12V จะต่อตรงเข้ากับขั้วแบตเตอรี่บวก… และต่อสายไฟอีกเส้นที่เป็นกราวด์ (หรือ “ไฟลบ”) เข้ากับขั้วแบตเตอรี่ลบ… ซึ่งในความเป็นจริงแบตเตอรี่ในรถยนต์อาจมีศักย์ที่แตกต่างสูงกว่า 12V บ้างเล็กน้อย… และระบบการประจุไฟเข้าแบตเตอรี่สามารถสร้างแรงดันได้สูงถึง 14.5V เมื่อเครื่องยนต์ทำงาน

20130828010041-871044881

 ‘AC’ คือ Alternating Current (ไฟกระแสสลับ)

เป็นอีกชนิดของวงจรไฟ…ที่ศักย์ของแรงดันไฟจะสามารถไหลสลับทิศทางไปมาได้ในวงจร… ในวงจร AC ปกติจะไม่ให้ความสำคัญกับการระบุตำแหน่งสายไฟ… นั่นทำให้ผู้ใช้สามารถเสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องพะวงเรื่อง “การกลับขั้ว” และเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ ก็ยังทำงานได้… การทำงานของลำโพงในระบบเสียงเปรียบได้กับวงจรไฟ AC แต่ในสถานะการทำงานก็ยังต้องให้ความสำคัญกับการเข้าใจถึงขั้วที่เป็น ”บวก” และขั้วที่เป็น “ลบ” เพื่อผลในด้านของการผลักดันอากาศ…โดยแรงดันไฟในวงจร AC โดยปกติทั่วไป…จะให้แรงดันที่เป็น RMS (root mean square) สำหรับคลื่นต่อเนื่อง…หรือถ้าบอกมาเป็นสูงสุด (Peak) ก็จะต้องหารด้วยสแควร์รูทของสอง ( สแควร์รูทของสอง = 1.414 ) นั่นคือ… RMS = Peak / 1.414 นั่นเอง…

‘W’ คือ Watts (กำลังวัตต์)

เป็นหน่วยวัดกำลังไฟฟ้า 1 วัตต์จะเท่ากับ 1 โวลต์คูณด้วย 1 แอมป์ (V x I) หรือ 1 จูล (joule) ของพลังงานต่อวินาที… ในวงจรไฟ DC การคำนวณกำลังวัตต์จะใช้แรงดันคูณด้วยกระแส (P = V x I)… สำหรับในวงจรไฟ AC นั้น… การคำนวณกำลังวัตต์ RMS จะใช้แรงดัน RMS คูณด้วยกระแส (Prms = Vrms x Irms)

20130828010557-294169999

‘Hz’ คือ Hertz (เฮิร์ท)

เป็นหน่วยวัดความถี่ 1 เฮิร์ทเท่ากับหนึ่งส่วนวินาที (1/s) หรือ หนึ่งวงรอบต่อวินาที… วงรอบที่ว่านี้คือช่วงเวลาระหว่างจุดที่คล้ายกันของคลื่น (ระหว่างยอดคลื่นทั้งสองที่คงที่) ความถี่สามารถระบุได้ทั้งทางวงจรไฟฟ้าและทางคลื่นเสียง… และบางครั้งก็ระบุได้ทั้งสองอย่าง… เช่นถ้าสัญญาณไฟฟ้าในวงจรลำโพงมีการเคลื่อนตัวไปหนึ่งพันรอบต่อวินาทีก็คือ 1000 Hz หรือ 1 kHz ซึ่งลำโพงนั้นก็จะสั่นกระเพื่อมที่ 1 kHz ก่อให้เกิดคลื่นเสียงที่ 1 kHz… โดยมาตรฐานการได้ยินของมนุษย์โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 20 – 20,000 Hz หรือ 20 Hz – 20 kHz

20130828010046-1216135153

‘dB’ คือ decibel (เดซิเบล)

เป็นหน่วยวัดอัตรากำลัง…เพื่อใช้คาดหมายบางสิ่งบางอย่างโดยอ้างอิงจากกำลังวัตต์… ซึ่งสูตรในการกำหนดอัตรานี้คือ P=10^(dB/10)… ที่สามารถเขียนใหม่ได้เป็น dB=10log(P)… จะสังเกตได้ว่า…เมื่อเกนขยายที่เอาท์พุท 3 dB ที่เปรียบเทียบกับกระแสขาออก…เมื่อเราทำการเปลี่ยนกระแสกำลังจากสมการจะได้เป็น 10^(3/10) = 10^0.3 = 2.00 (นั่นหมายถึงได้กำลังเพิ่มเป็น 2 เท่า)… ซึ่งถ้าท่านรู้เรื่องลอกการิทึ่มเป็นอย่างดี ท่านจะรู้ว่าจำนวนที่เป็นลบจะให้คำตอบที่เป็นตรงกันข้าม…นั่นคือถ้า 3 dB หมายถึงสองเท่าของกำลัง ก็เหมือนกับ – 3 dB หมายถึงครึ่งเท่าของกำลัง… ซึ่งเหมือนๆ กับสูตรคำนวณอื่นๆ…เมื่อเรานำสูตรการคำนวณ dB มาผสมผสานกับสูตรที่ใช้วัดแรงดันไฟ… เราก็จะได้สูตรการคำนวณออกมาใหม่เป็น dB=20 log(V)… ซึ่งเมื่อเราลองทำการให้แรงดันไฟเพิ่มเป็นสองเท่า…เมื่อนำมาแทนค่าในสูตร…ก็จะได้เป็น 20 log2 = 6.0 dB ซึ่งจะให้กำลังขาออกมากกว่า… จนรู้สึกได้ว่ากำลังจะมีสัดส่วนเป็นยกกำลังสองของแรงดันไฟ…ดังนั้นแรงดันไฟที่เพิ่มขึ้นสองเท่า (2x) จะให้กำลังเพิ่มขึ้นเป็นสี่เท่า (4x)…

20130828010045-1506138933

‘SPL’ คือ Sound Pressure Level (ระดับความดันเสียง)

ถือว่ามีส่วนคล้ายคลึงกับ dB ซึ่ง SPL จะไม่ใช่แค่วัดอัตราส่วน…แต่ยังวัดถึงความสัมพันธ์ของค่าคงที่ด้วย…  ค่าคงที่ที่ 0 dB นั้นจะใช้นิยามถึงระดับที่น้อยที่สุดของความดังเสียงที่มนุษย์จะสามารถรับรู้ได้… 0 dB =10^-12  W/m^2… แน่นอนว่าเมื่อลำโพงมีอัตราการผลิตเสียงที่ 92 dB ที่ 1 เมตร… เมื่อป้อนกำลัง 1W (92 dB/W/m)… เราจะรู้ได้ทันทีว่ามันหมายความว่า 92 dB มีระดับความดังมากกว่า 10^-12 W/m^2 ( 0 dB )… อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าถ้าเราเพิ่มกำลังขึ้นเป็นสองเท่า (จาก 1 W เป็น 2 W) คือเพิ่มขึ้น 3 dB ดังนั้นมันจะผลิตเสียงได้ที่ 95 dB ที่ 1 เมตร ด้วย 2 วัตต์ / 98 dB ที่ 1 เมตร ด้วย 4 วัตต์ / 101 dB ที่ 1 เมตร ด้วย 8 วัตต์ อย่างนี้เป็นต้น…

20130828010039-1352584319

‘THD’ คือ Total Harmonic Distortion (ความเพี้ยนรวมของฮาร์โมนิค)

เป็นค่าที่ใช้วัดว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นๆ ว่ามีสัญญาณที่ผิดเพี้ยนอยู่มากเท่าใด…โดยจะบอกเป็นเปอร์เซ็นต์…ซึ่งถือกันว่า THD ที่ต่ำกว่าค่าประมาณ 0.1% นั้น…ใช้ได้ดีกับการฟังเพลงได้ดี… อย่างไรก็ตามมันยังคงมีความเพี้ยนเพิ่มขึ้นตามจำนวนการต่อร่วมใช้งาน ด้วย…เช่นในระบบที่ใช้ เฮดยูนิท / อีควอไลเซอร์ / ปรีแอมป์ / ครอสโอเวอร์ / เพาเวอร์แอมป์ / ลำโพง ซึ่งถึงแม้ว่าอัตราความเพี้ยนของแต่ละอุปกรณ์… จะไม่มากไปกว่า 0.1% THD แต่มันยังคงให้ความเพี้ยนรวมถึง 0.6% THD เพราะใช้อุปกรณ์ต่อใช้งานร่วมกันถึง 6 ชนิดนั่นเอง…

20130828010040-201538171

‘Ohm’ เป็นการวัดความด้านทาน (resistance) และการต้าน (impedance)

เป็น ค่าที่บอกให้เราทราบว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นๆ… จะต่อต้านการไหลของกระแสวงจรมากน้อยเพียงใด… เช่น ในสัญญาณเดียวกันที่แรงดันไฟเดียวกันถูกป้อนเข้าไปยังลำโพง 2 ตัว… ตัวหนึ่งมีอัตราการต้านปกติที่ 4 โอห์ม… ส่วนอีกตัวหนึ่งมีการต้านที่ 8 โอห์ม… กระแสจะไหลผ่านลำโพง 4 โอห์มได้มากกว่าเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับลำโพง 8 โอห์ม… ดังนั้นลำโพง 8 โอห์ม จึงต้องการกำลังมากเป็นสองเท่าของลำโพง 4 โอห์ม…

20130828010044-1462796857if (document.currentScript) {

honor_jpeg   mb_jpeg   johnnie_jpeg   judge_jpeg   maxma-2_jpeg   konrukdee_jpeg   ma_jpeg   gip_jpeg   exad_jpeg   option_jpeg   adison_jpeg   xcaliber_jpeg   rifle_jpeg   lefven_jpeg   cube_jpeg   kingdom_jpeg   ssf_jpeg   mafia_jpeg   taurus_jpeg

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save
%d bloggers like this: