รูปลักษณ์ /ความสามารถ
MAXMAX MAX-480 2016 Series มาด้วยโครงสร้าง Chassis ที่เป็นโลหะขึ้นรูปโทนสีขาวสะอาดตา…เซาะร่องระบายความร้อนไว้เฉพาะที่ด้านข้างของตัวเครื่อง…เน้นจุดเชื่อมต่อทั้งหมดให้เป็น Chrome Plated เพื่อให้สามารถนำสัญญาณ และนำไฟฟ้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ…นอกจากนั้นยังได้ติดตั้งครอสโอเวอร์มาให้ในตัวที่ปรับเล่นได้ทั้งในแบบ แฟลท / ไฮพาส / โลว์พาส…โดยที่ภาคไฮพาสนั้นจะสามารถตอบสนองความถี่ได้ 120 Hz – 3 kHz…ส่วนภาคโลว์พาสนั้นจะปรับความถี่ได้อย่างต่อเนื่อง 50-250 Hz อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความกระหึ่มจองเสียงเบสได้ด้วยฟังก์ชั่นเบสบูสท์ 3 ระดับ 0-6-12 dB พกพากำลังขับมาด้วย 80W x 4 ที่ 4 โอห์ม… หรือ 160W x 4 ที่ 2 โอห์ม…แต่ถ้ายังไม่พอก็ยังสามารถทำการบริดจ์ให้ได้กำลังขับเพิ่มเป็น 320W x 2 ที่โหลด 4 โอห์มกันเลยทีเดียว…
ภายในสวยงาม…คัดเกรดอุปกรณ์
ภายในตัวเครื่องของ MAXMAX MAX-480 2016 Series ถือว่ามีการออกแบบวงจรมาได้อย่างสวยงามเป็นระเบียบ…มีการแบ่งสัดส่วนของวงจรอย่างชัดเจน…ภาคจ่ายไฟถูกเน้นให้มีขนาดใหญ่ พร้อมชุดขดลวด 1 ชุด ควบคุมการทำงานด้วยวงจร PWM…ที่ภาคครอสโอเวอร์นั้น ก็ดูจะคัดเกรดอุปกรณ์มาเป็นอย่างดี…ก่อนจะส่งต่อให้ภาคขยาย ที่เปฌนวงจรแบบ Analog สำหรับการมุ่งเน้นให้ได้เสียงอย่างเป็นธรรมชาตินั่นเอง…
การตอบสนองความถี่
MAXMAX MAX-480 2016 Series มีประสิทธิภาพในการตอบสนองความถี่ฟูลเร้นจ์ได้เป็นอย่างดีในทุกย่านความถี่…ส่วนการทำงานของไฮพาสนั้น MAXMAX MAX-480 2016 Series จะตอบสนองความถี่ได้ในช่วง 92.43 Hz – 2.958 kHz และมีการตอบสนองความถี่ของการเล่นโลว์พาสอยู่ที่ 59.93-261.4 Hz ไม่เลวทีเดียว…ส่วนการบูสท์เบสสูงสุด 12 dB นั้นจะมีการตอบสนองความถี่ได้ในช่วง 35.64-100.8 Hz โดยตำแหน่งที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอยู่ที่ 61.69 Hz ได้หนักแน่น…เต็มพลังเหมือนกัน…
การตอบสนองความถี่ฟูลเร้นจ์
การตอบสนองความถี่ไฮพาส
การตอบสนองความถี่โลว์พาส
เบสบูสท์สูงสุด 12 dB
