
ลำโพงแยกชิ้น (Component Speaker)

คือ ลำโพงในประเภทที่มีการออกแบบให้มีการแยกส่วนของลำโพงสำหรับความถี่ต่างๆให้ ออกจากกันอย่างอิสระ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการแยก Spectrum ของเสียงให้ดียิ่งขึ้น มันอาจจะมีตั้งแต่ 2-4 ชิ้น หรืออาจมีมากกว่านั้นก็ได้ ซึ่งจะมีขนาดของลำโพงแตกต่างกันออกไป แล้วแต่การจัดชุด โดยอาศัยการทำงานของ Passive Crossover สำหรับการแยกเสียงให้ตรงตามความต้องการทางกายภาพของลำโพงแต่ละตัว
ตามปกติทั่วไปโดยตำแหน่งแล้ว ลำโพงแต่ละตัวมันควรจะวางไว้ใกล้ๆกัน แต่ก็อย่างว่าละครับ ในทางเทคนิค เราไม่อาจทำอย่างที่ว่าได้เสมอไป ลำโพงแต่ละตัว มันมักจะถูกแยกออกจากกัน เพื่อไปหาตำแหน่งที่เหมาะสม สำหรับการสร้างเวทีเสียงนั่นเอง
ก็อย่างที่เห็นๆกันอยู่นั่นละครับ บางครั้งลำโพง Mid-Range/Woofer ก็มักจะถูกนำไปติดตั้งที่ส่วนของประตูรถ แล้วตัว Tweeter ก็ จะถูกแยกไปวางตามส่วนต่างๆเพื่อความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นตามมุมด้านหน้าของรถ, ตามมุมพาเนลหน้าต่าง, ตามเสาแยก, เสากันลมของกระจกหน้ารถ หรือเสา-A (A-Pillar) ก็ได้ทั้งนั้นครับ
เพราะ ว่าจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียวของมันก็คือ ต้องการให้ตำแหน่งของมันสามารถให้เสียงได้เด่นชัดมากที่สุด สำหรับการสร้างเวทีเสียงจากด้านหน้าของพาหนะ หรือที่เรารู้จักกันในนามของ Front Stage นั่นเอง…
ก็ อย่างว่าละครับ ด้วยความคิด และความปรารถนาอย่างนิ่งยวด ที่จะสร้างระบบเสียงให้ได้อย่างประทับใจเหมือนการแสดงสดบนเวที โดยการให้เสียงวิ่งผ่านด้านบน ด้วยการสร้างอัตราขยายของเสียง จากการสะท้อนเสียงของกระจกด้านหน้า แน่นอนครับเราย่อมได้เสียง หรือมีระดับ Tweeter Level ที่ อยู่ในขั้นสุดยอด แต่บางครั้งก็มีเหมือนกันครับ ที่มันไม่เป็นดังที่คิดไว้ นั่นก็คือปัญหาของการเหลื่อมล้ำกันของเสียง หรือที่เราเรียกกันในทางเทคนิคว่า Time Alignment นั่นเองครับ
ปัญหาของ Time Alignment ก็คือว่า บางครั้งการที่เราจัดตั้งตำแหน่งของลำโพง หรือมีการวางระบบที่ไม่ดีพอ มันก็อาจก่อให้เกิดความแตกต่าง หรือการเหลื่อมล้ำกันของระยะเวลาในการวิ่งของเสียงได้ นั่นก็หมายความว่า อาจทำให้เสียว สูง-ต่ำ มีการวิ่งไม่ทันกัน หรือไม่สมดุลกัน ทำให้เสียงในอุดมคติ หรือความถี่เสียงที่แตกต่างกัน ไม่อาจมาถึงหูเราได้มนเวลาเดียวกันนั่นละครับ อื่ม… เป็นปัญหาอยู่เหมือนกันนะครับเรื่องนี้
นั่นก็หมายความว่า ในการออกแบบระบบเสียงด้วยลำโพงแบบ ลำโพงแยกชิ้น หรือ Component Speaker นั้น จริงอยู่ครับ ที่ว่ามันสามารถที่จะให้ประสิทธิภาพทางดนตรีของเสียงได้ดี ถึงขั้นดีมากๆก็ว่าได้ แต่มันก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของ Option การติดตั้งที่มีมากกว่า นั่นก็หมายความว่ามันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้น มันยังต้องคำนึงถึงเรื่องของการติดตั้งที่ดูจะมีความสลับซับซ้อนกว่า และปัญหาของการจัดระเบียบของ Time Alignment อีกต่างหากด้วยนะครับ…
สิ่งที่ต้องตรวจสอบในการเลือกลำโพงแยกชิ้น (Component Speaker)
- การตอบสนองความถี่ (Frequency Response) เรื่องของการตอบสนองต่อความถี่เสียงนี่ มันก็ยังคงเป็นปัญหาเดียวกันกับลำโพงในแบบแกนร่วมหรือ Coaxial Speakers นั่นละครับ ของย้ำกันอีกสักครั้งหนึ่ง คือลำโพงที่ดีนั้นจะต้องตอบสนองต่อความถี่เสียงได้ในช่วง 20 Hz – 20 kHz และปัญหาของลำโพงในแบบแยกชิ้นนี้ก็คือ มันไม่อาจให้ความถี่เสียงได้ต่ำกว่า 80 Hz อีกนั่นละ ดังนั้นในการวางระบบ บางทีอาจจำเป็นต้องมีลำโพงแบบ Sub-Woofer เข้ามาช่วยด้วย
- ความลึก/ความหนา ของลำโพง (Mounting Depth) สิ่งนี้ก็คือพื้นที่ด้านหลังของลำโพง หรือพื้นที่สำหรับการรองรับโครงสร้างแม่เหล็กของลำโพงสำคัญมากครับ ก็อย่างที่กล่าวไปแล้ว ต้องพิจารณาให้ดีด้วยกับพื้นที่ด้านหลัง หรือ Rear Deck และที่แผงประตู ว่ามันกีดขวางการขึ้นลงของกระจกหรือไม่
- กำลังขับ (Power Handling) ก็อีกนั่นละครับ มันก็คือความสามารถในการให้พลังในการขับเคลื่อน และความสามารถในการรองรับกำลังขับจาก เพาเวอร์แอมป์ ตัวเลขที่น่าสนใจของมันก็คือ ค่าของการทนกำลังขับอย่างต่อเนื่อง และค่า RMSPowerPeak นั่นเอง
- ความไวต่อเสียงของลำโพง (Sensitivity) เป็นอีกค่าตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจครับ เพราะว่ามันหมายถึงตัวเลขที่แสดงถึงความสามารถ ในการตอบ สนองต่อความถี่เสียงของลำโพงครับ ซึ่งสามารถที่จะใช้อ้างอิงถึงประสิทธิภาพในการทำงานของลำโพงตัวนั้นๆได้เลย ทีเดียว ในลำโพงที่ดีนั้นค่านี้ควรมีค่าตั้งแต่ 90 dB ขึ้นไป…
} else {